GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "GeForce RTX 3080"
รู้ก่อนซื้อ! ถ้าต้องเปลี่ยนการ์ดจอใหม่ตอนนี้เป็น NVIDIA GeForce RTX 30 Series จะเลือกรุ่นไหนดี
ปีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีในการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ เพราะอย่างที่เห็นเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่ก็เปิดตัวไปแล้ว ( แต่เมืองไทยยังไม่ประกาศวันวางจำหน่ายก็ตาม ) นอกจากนี้เกมเมอร์ฝั่ง PC ก็คงได้เห็นการเปิดตัวการ์ดจอ [GPU] ของทั้งค่ายเขียว NVIDIA และ ค่ายแดง AMD ในซีรีส์ใหม่กันไปแล้วเรียกว่ากระแสตอบรับดีทั้งสองค่ายเลย แต่เหมือนปีนี้จะหนักไปทางค่ายเขียว NVIDIA ซะมากกว่า เพราะดูเหมือนว่า “GeForce RTX 30 Series” ที่เวลานี้ได้วางจำหน่ายออกมาแล้วทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันไล่มาตั้งแต่ตัวท็อป GeForce RTX 3090, GeForce RTX 3080, GeForce RTX 3070 และ GeForce RTX 3060 Ti นี่ยังไม่นับรวมรุ่นอื่น ๆ ของซีรีส์นี้ที่มีแผนจะเปิดตัวในปีหน้าด้วย วันนี้เกวลินเลยจะมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักการ์ดจอของแต่ละรุ่นว่าอันไหนเหมาะกับเพื่อน ๆ กันบ้างค่ะ   GeForce RTX 3090 เป็นรุ่นท็อปสุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้สำหรับ “GeForce RTX 3090” การ์ดจอรุ่นนี้ทาง NVIDIA ได้อธิบายเอาไว้ว่ามันคือนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนามาจากการ์ดจอรุ่น GeForce GTX TITAN เพราะว่าหลังจากนี้ไปการ์ดจอตระกูล TITAN ทาง NVIDIA ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกพัฒนาแล้วหันมาใช้เป็นเลขรหัสแทน โดยพวกเขาได้เครมเอาไว้ว่าประสิทธิภาพของการ์ดจอตัวนี้สามารถเล่นเกมในความละเอียด 8K ได้อย่างสบาย ๆ ด้วย Ampere สถาปัตยกรรม RTX รุ่นที่ 2 ที่ทำให้เมื่อผู้เล่นเปิดใช้งาน Ray Tracing และ AI การทำงานจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากผลการทดสอบแสดงให้เห็นแล้วว่า “เมื่อผู้ใช้งานเปิด DLSS กับ Ray Tracing เฟรมเรตจะสูงขึ้นมากกว่าตอนปิดการใช้งานเสียอีก!” ด้วยความที่มันเป็นการ์ดจอตัวท็อปสุดของ “GeForce RTX 30 Series” จึงไม่แปลกที่จะเกิดคำถามมากมายต่อเกมเมอร์ว่า “เราควรซื้อการ์ดจอตัวนี้ใช้งานเลยดีไหม!?” เพราะราคาก็เริ่มต้นอยู่ที่ 52,000 บาทขึ้นไป ( แล้วแต่แบรนด์ แต่รุ่นกันด้วย ) ซึ่งจัดอยู่ในราคาที่สูงมาก เราก็ต้องมาดูกันก่อนว่าถ้าเราซื้อการ์ดจอ GeForce RTX 3090 คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่าเอามาแค่เล่นเกมกับสตรีมถ่ายทอดสดอย่างเดียว บอกเลยว่ามันดูไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ตัวการ์ดรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดกินพื้นที่ในการติดตั้งไปมากกว่า 3 ช่อง ถ้าเคสคอมพิวเตอร์ของเราเป็นขนาดเล็กก็ต้องมีการจัดวางระบบภายในใหม่ทั้งหมดเพื่อให้การระบายความร้อนได้ดีขึ้น แล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือการ์ดจอ GeForce RTX 3090 กินไฟสูงใช้ได้เลยค่ะ ถ้า Power Supply ของเรามีกำลังวัตต์น้อยจนเกินไปก็ไม่สามารถใช้การ์ดจอตัวนี้ได้นะคะ ซึ่งทาง NVIDIA ได้อธิบายเอาไว้ว่า Power Supply ขั้นต่ำจะต้องอยู่ที่ประมาณ 750 วัตต์ขึ้นไป อย่างไรก็ตามมันก็อยู่กับว่าอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ว่าเราใช้ CPU ตัวไหนแล้วมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเกี่ยวกับไฟฟ้าบ้าง เพราะบางครั้งกำลังวัตต์ที่แนะนำไปอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งผู้ใช้งานก็จะต้องควักเงินเพื่อเปลี่ยน Power Supply ให้สูงขึ้นแล้วก็เผื่อเอาไว้ด้วย แล้วถ้าใช้ Power Supply รุ่นเก่าอาจจะต้องเปลี่ยนเพื่อจัดการจ่ายไฟอย่างเหมาะสม เพราะการ์ดจอรุ่นใหม่นี้ต้องใช้ขั้วต่อสายไฟเสริมอยู่ที่ PCle 8 Pin ถึง 2 ตัวด้วยกัน “ใครสเปกคอมพิวเตอร์ภายในสูง ๆ จัดเยอะ ๆ ไว้ก็ดีนะ” แล้วถ้าเพื่อน ๆ ยังคงเล่นเกมบนหน้าจอที่มีความละเอียดเพียงแค่ 1080p ( หรือต่ำกว่านั้น ) การ์ดจอตัวนี้ไม่เหมาะอย่างรุนแรงค่ะ เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อให้เล่นในความละเอียด 1440p ไปจนถึง 4K มากกว่าค่ะ ซึ่งทาง NVIDIA เครมว่ามันสามารถรันถึงความละเอียด 8K ได้เลยนะคะ แต่จากผลทดสอบของสื่อต่างประเทศและผู้ที่ใช้งานจริงพบว่า GeForce RTX 3090 สามารถที่จะรันเกมที่ใช้กราฟฟิกสูงพร้อมเปิดใช้งาน Ray Tracing, DLSS หรือ รันเกมบน DirectX 12 ในความละเอียด 4K แล้วเฟรมเรตทะลุ 60fps ได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตามการ์ดจอตัวนี้นอกจากจะใช้เล่นเกมที่มีรายละเอียดสูงได้แล้ว สิ่งหนึ่งก็คือใครที่ทำงานสายออกแบบกราฟฟิก หรือ ตัดต่อวีดีโอก็ทำได้ด้วยเช่นกันค่ะ  สรุปแล้ว GeForce RTX 3090 ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? ราคาที่สูงเกินไป เป็นการ์ดจอที่ขนาดใหญ่, น้ำหนักเยอะ และ ใช้พื้นที่เยอะ ถ้าผู้ใช้ซื้อมาแล้วใช้งานไม่คุ้มค่าอาจจะรู้สึกเสียดายเงินก็เป็นได้ ผู้ใช้จะต้องปัจจัยส่วนอื่น ๆ ภายในคอมพิวเตอร์ของเราด้วย เพราะการ์ดจอกินไฟสูงมาก อาจจะต้องมีการเพิ่มงบเพื่อให้สามารถใช้การ์ดจอตัวนี้เต็มประสิทธิภาพ การ์ดออกแบบมาเพื่อให้เราใช้ในการทำงานด้านกราฟฟิกและเล่นเกมในความละเอียด 4K หรือมากกว่า GeForce RTX 3080 ในเมื่อการ์ดจอตัวท็อปอย่าง GeForce RTX 3090 มีราคาที่สูงเกินไปทาง NVIDIA ก็มีการออกแบบการ์ดจอรองท็อปของ “GeForce RTX 30 Series” โดยใช้ชื่อรุ่นว่า “GeForce RTX 3080” มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 31,000 บาทขึ้นไป ( เช่นเดียวกันค่ะ แล้วแต่แบรนด์และรุ่นที่วางจำหน่าย ) ความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่การ์ดจอตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมโดยเฉพาะเลยค่ะ ราคานี้อาจจะสูงไปสำหรับเกมเมอร์บางคน แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่ชื่นชอบการเล่นเกมกราฟฟิกสวย ๆ ในความละเอียดสูง ๆ แล้วมีสเปกคอมพิวเตอร์ที่สูงอยู่แล้วพร้อมกับกําลังทรัพย์มันเป็นหนึ่งในการ์ดจอที่ขอแนะนำเลยค่ะ ขนาดการ์ดจอของ GeForce RTX 3080 จะเล็กกว่า GeForce RTX 3090 นิดหน่อยค่ะ โดยจะกินพื้นที่ประมาณ 2 ช่องเพื่อใช้ในการติดตั้งเช่นเดียวกันค่ะ การเคลียร์พื้นที่ของเคสก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกันเพื่อที่จะไม่ให้เคสมีความแออัดเกินไปจนทำให้เกิดความร้อนภายในเคส แต่ถ้าใครที่เคสขนาดใหญ่อยู่แล้วมีพัดลมระบายอากาศที่ดีก็ถือว่ารอดตัวไปค่ะ ในเรื่องของ Power Supply ก็คล้าย ๆ กับการ์ดจอตัวท็อปพอสมควรค่ะ ด้วยความที่ว่าขั้วต่อสายไฟเสริมก็จะใช้ PCle 8 Pin ถึง 2 เหมือนกันดังนั้นเราจะต้องคำนวนเรื่องการจ่ายไฟของระบบให้ดี ถึงแม้ว่าจะมีการอธิบายเอาไว้แล้วว่าขั้นต่ำควรใช้ Power Supply 750 วัตต์ แต่มันก็มีกรณีที่ไฟไม่เพียงพอ ถ้าจะให้เกวลินแนะนำจริง ๆ ควรประมาณ 850 วัตต์ขึ้นไปจะดีมาก ๆ เลยค่ะ ก็เรียกว่าหลังจากที่ประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราในช่วงแรกไป กลายเป็นการ์ดจอรุ่นที่ได้รับความนิยมจากเกมเมอร์ผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก มันคือการ์ดจอตัวรองท็อปที่มีราคาไม่สูงจนเกินไปแต่แลกมากับประสิทธิภาพที่ถ้าให้เทียบกับรุ่น GeForce RTX 2000 Series การตอบรับยังไม่เท่านี้เลยค่ะ ซึ่งเพื่อนของเกวลินที่สนิทกันเขาตัดสินใจเปลี่ยนการ์ดจอจากเดิมใช้ GeForce GTX TITAN X มาเป็น GeForce RTX 3080 ผลที่ได้ก็คือ “ใช้งานได้ดีกว่าการ์ดตัวเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจน” โดยเกมที่เขาเลือกลองทดสอบก็คือ Cyberpunk 2077 เริ่มทดสอบในความละเอียด 1080p ที่ปรับรายละเอียดกราฟฟิกสูงสุดพร้อมเปิดใช้งาน DLSS กับ Ray Tracing พบว่าเฟรมเรตสูงมาก ๆ แล้วจากนั้นลองสตรีมถ่ายทอดสดไปด้วยสามารถทำได้ด้วยเช่นกัน “การ์ดจอตัวท็อปที่เล่นเกมปัจจุบันได้ลื่นไหล แต่ก็สู้อะไรใหม่ ๆ ใน 30 Series ไม่ได้เลย!” จากนั้นก็มีการขยับผลการทดสอบมาเทสในความละเอียด 2K หรือ 1440p แบบปรับรายละเอียดกราฟฟิกสูงสุดพร้อมเปิดใช้งาน DLSS กับ Ray Tracing เฟรมเรตก็ยังอยู่ในระดับที่ดีมาก ๆ แล้วตามมาด้วยการลองสตรีมถ่ายทอดสดบน Youtube ในความละเอียด 1440p/60fps ก็ทำได้ดีแถมยังเหลือ ๆ อีกด้วย บ่งบอกได้เลยว่าการ์ดจอ GeForce RTX 3080 ที่ทาง NVIDIA เครมเอาไว้เลยว่า “มันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมในความละเอียด 4K ได้อย่างสบาย ๆ” มันสามารถทำได้ตามที่เขาพูดเอาไว้จริง ๆ ค่ะ ดังนั้นถ้าสเปกภายในเครื่องของเราไม่ว่าจะเป็น CPU หรือ Ram ของเราเป็นตัวท็อป ๆ การ์ดจอรุ่นนี้คุ้มค่าที่คุณจะยอมเสียเงินเป็นอย่างมากค่ะ สรุปแล้ว GeForce RTX 3080 ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? เรื่องของราคาก็จัดอยู่ในระดับที่สูงเหมือนกัน แต่ถ้าคุณมีเงินมากพอแล้วอยากจะเล่นเกมแบบลื่นไหลมันก็น่าลงทุน การ์ดจอตัวนี้ก็ยังคงกินไฟสูงเหมือนกัน ดังนั้นต้องคำนวนการจ่ายไฟของ Power Supply กันด้วยนะคะ ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่มีสเปกส่วนอื่น ๆ ก็สูงอยู่แล้ว การ์ดจอตัวนี้จัดไป เป็นการ์ดจอที่รองรับการเล่นเกมทั้งความละเอียด 1080p , 1440p และ 4K ได้อย่างสบาย ๆ GeForce RTX 3070 เราพูดถึงการ์ดจอตัวท็อปและรองท็อปของ “GeForce RTX 30 Series” กันไปแล้ว เรามาพูดถึงตัวกลาง ๆ ที่แท้ทรูกันบ้างค่ะ โดยรุ่นนี้มีชื่อว่า “GeForce RTX 3070” สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 18,900 บาทขึ้นไป ( ราคานี้ก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์และรุ่นที่วางจำหน่ายด้วย ) โดยทาง NVIDIA เผยว่าการ์ดจอตัวนี้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า GeForce RTX 2080 Ti ที่เป็นตัวท็อปของรุ่นที่แล้ว ความพิเศษของรุ่นนี้คงเป็นเรื่องของราคาที่ดูสมเหตุ สมผลมากจริง ๆ ซึ่งเมื่อพอไปเทียบราคากับรุ่นก่อนที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราว ๆ 37,000 บาทขึ้นไปมันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ รุ่นก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่าปัญหาเรื่องการกินไฟของ Power Supply พอสมควร แต่ GeForce RTX 3070 จะกินไฟขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 650 วัตต์ การเลือกใช้ Power Supply ให้เหมาะสมก็ยังคงเป็นปัจจัยหลักสำคัญอยู่ดีค่ะ ถ้าจะให้แนะนำควรใช้ Power Supply อยู่ที่ประมาณ 850 วัตต์กำลังดีค่ะ แถมการ์ดจอรุ่นนี้ยังใช้ขั้วต่อสายไฟเสริมในรูปแบบ PCle 8 Pin เพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น ตัวการ์ดจอมีขนาดที่ใหญ่พอตัวจะกินพื้นที่อยู่ประมาณ 2 ช่อง ผู้ใช้งานเองก็จำเป็นต้องเคลียร์พื้นที่ของเคสด้วย แล้วถ้าเคสมีขนาดเล็กไปก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อที่เราจะสามารถจัดสายไฟแล้วการระบายความร้อนที่อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการประกอบคอมพิวเตอร์ที่ดีนั่นเองค่ะ มาพูดในเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานกันหน่อยค่ะ GeForce RTX 3070 เป็นการ์ดจอระดับกลางที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ในการเล่นเกมได้ทั้งความละเอียด 1080p, 1440p และ 4K ได้เหมือนกัน แต่จะทำได้ขนาดนั้น อุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น CPU, Ram และ Mainboard ด้วย เพราะมันจะเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อให้การทำงานของการ์ดจอเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากผลการทดสอบเกวลินก็พบว่ามันสามารถรันในความละเอียด 1080p กับ 1440p ได้อย่างสบาย ๆ เฟรมเรตที่ได้จากเกมอยู่ที่ 150 - 200fps กันเลยทีเดียว ส่วนเกมที่ใช้ในการรันความละเอียด 4K จะขับเฟรมเรตออกมาได้อยู่ที่ 59 - 65fps ทั้งนี้ก็อยู่ว่าเกมนั้น ๆ กินทรัพยากรมากน้อยแค่ไหน  ถ้าถามถึงความคุ้มค่า GeForce RTX 3070 มันเป็นการ์ดจอระดับกลางที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี ใครที่มีสเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ แล้วกำลังมองหาการ์ดจอดี ๆ สักตัวในราคาที่ไม่แรงมากจนเกินไปมันก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อยเลยค่ะ  สรุปแล้ว GeForce RTX 3070 ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? เหมือนทาง NVIDIA เดินเกมถูกมากเพราะมันคือการ์ดจอระดับกลางที่มีราคาจับต้องได้ เป็นการ์ดจอที่กินไฟน้อยกว่า 2 ตัวท็อปก่อนหน้านี้ แต่ยังไงก็ต้องคำนวนการจ่ายไฟของ Power Supply อยู่ดี คนที่ใช้สเปกคอมพิวเตอร์สเปกกลาง ๆ แล้วอยากเปลี่ยนการ์ดจอเพื่อใช้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น ตัวนี้ก็เหมาะดี เป็นการ์ดจอที่รองรับการเล่นเกมทั้งความละเอียด 1080p , 1440p และ 4K ได้อย่างลื่นไหล GeForce RTX 3060 Ti มาถึงการ์ดจอตัวสุดท้ายของ “GeForce RTX 30 Series” ที่พึ่งประกาศเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เลยรุ่นที่มีชื่อว่า “GeForce RTX 3060 Ti” สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 14,900 บาทขึ้นไป ( เหมือนเดิมค่ะ ราคาก็จะอยู่ที่แบรนด์และรุ่นที่วางจำหน่าย ) สำหรับการ์ดจอตัวนี้ยังถือได้ว่าเป็นการ์ดจอระดับกลางที่ถูกปรับสภาพลดลงมาจาก GeForce RTX 3070 เล็กน้อย ทาง NVIDIA ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าตัวการ์ดจอรุ่นนี้ออกแบบมาให้เกมเมอร์ทั้งคนที่มีสเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ หรือ ระดับที่ต่ำลงมาอีกนิดสามารถเป็นเจ้าของการ์ดจอตระกูล GeForce RTX 30 Series ได้ไม่ยาก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดีกว่าการ์ดจอรุ่นเก่าของ GeForce RTX ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน สำหรับ “GeForce RTX 3060 Ti” ถือได้ว่าเป็นการ์ดจอที่กินพลังงานไฟน้อยมาก ๆ เพราะทาง NVIDIA อธิบายเอาไว้ว่า Power Supply ที่เหมาะสมในการใช้งานที่สุดอยู่ที่ประมาณ 600 วัตต์ นั้นหมายความว่าถ้าจะให้ดีผู้ที่ใช้การ์ดจอตัวนี้ต้องเลือก Power Supply อยู่ที่ประมาณ 700 - 800 วัตต์กำลังดีค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนที่มีสเปกคอมพิวเตอร์กลาง ๆ ก็คงไม่ได้ตกแต่งอะไรมากก็จะใช้กำลังไฟอยู่ที่ราว ๆ นี้น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ส่วนการ์ดจอ “GeForce RTX 3060 Ti” มีการทดสอบออกมาเรียบร้อยแล้วว่าเหมาะกับการใช้งานในการเล่นเกมระดับความละเอียด 1080p กับ 1440p ที่สามารถปรับสุดแล้วเปิดใช้งาน DLSS กับ Ray Tracing เฟรมเรตที่ได้ก็อยู่ในระดับที่เกินคาดเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ถ้าเราเผลอเปิดใช้งานเทคโนโลยี RTX เฟรมเรตอาจจะดรอปลงไปบ้างเพราะมันจะรีดประสิทธิภาพการ์ดจอให้ทำงานเกือบ 100% ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ ที่คิดว่าจะซื้อการ์ดจอตัวนี้มาเล่นเกมแบบปรับสุดทุกอย่างแล้วก็เปิด RTX พร้อมกับสตรีมถ่ายทอดสดไปด้วย สิ่งที่เราจะต้องคำนึกถึงก็คือว่า “สเปกภายในเครื่องของเราเพียงพอหรือเปล่า!?” ทั้ง CPU ที่เราใช้งานอยู่เป็นระดับไหน แล้วก็ Ram ที่มีอยู่ภายในเครื่อง แม้ว่าจะติดตั้งเอาไว้ 16 GB. แต่บางทีก็ต้องคำนึกถึงตอนเราเล่นเกม ตอนเปิดโปรแกรมต่าง ๆ เอาไว้ด้วย เพราะปัจจุบัน Ram 16 GB. มันกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่งั้นตอนสตรีมถ่ายทอดสดเปิดอาการกระตุกจนคนดูไม่สนุกแน่นอนค่ะ แล้วถ้าถามว่าการ์ดจอ “GeForce RTX 3060 Ti” เหมาะกับเกมเมอร์ประเภทไหน จริง ๆ แล้วมันคล้าย ๆ กับรุ่นก่อนหน้านี้ค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ที่มีสเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ CPU ไม่ได้ตัวท็อปอะไรมาก ( หรือเป็นตัวท็อปจากรุ่นก่อน ๆ ) มี Ram อยู่ในตัวเครื่องสัก 16GB. ขึ้นไป แล้วการ์ดจอที่ใช้เป็นรุ่นเก่ามากแล้วรันเกมกราฟฟิกหนัก ๆ ในยุค 2018 - 2020 ที่เฟรมเรตได้ราว ๆ  45 - 50fps แถมกราฟฟิกปรับสุดก็ไม่ได้ แปลว่าเพื่อน ๆ คือหนึ่งในคนที่ควรจะเปลี่ยนการ์ดจอมาสู่ยุคสมัยใหม่ได้แล้วค่ะ แล้วยิ่งเงินในกระเป๋าไม่ได้มากพอที่จะไปเล่นตัว GeForce RTX 3070 หรือตัวรองท็อปอย่าง GeForce RTX 3080 รุ่นนี้ก็ถือว่าเหมาะสำหรับเกมเมอร์สายกระเป๋าแบนแฟนทิ้งได้ไม่ยากเลยค่ะ สรุปแล้ว GeForce RTX 3060 Ti ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? เป็นการ์ดจอระดับกลางที่ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนที่มีทุนไม่มากนัก การ์ดจอตัวนี้กินไฟน้อยมาก ถ้าซื้อมาแล้วยังไงก็ต้องจัดการระบบไฟฟ้าให้ดีไม่งั้นอาจจะไม่เพียงพอ คนที่ใช้สเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ หรือ ต่ำลงมา แล้วใช้การ์ดจอรุ่นเก่าที่รันเกมในช่วง 2 - 3 ปีนี้แบบปรับสุดไม่ได้ มันก็เหมาะที่จะเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้นะ เป็นการ์ดจอที่รองรับในการเล่นเกมทั้งความละเอียด 1080p กับ 1440p ได้สบาย ๆ แต่ระดับ 4K เฟรมเรตอาจจะไม่ได้ดีเท่าที่คาดหวังหนัก ต้องบอกไว้ก่อนนะคะว่าตอนนี้ทาง NVIDIA เตรียมเปิดตัวการ์ดจอรุ่นอื่น ๆ ของตระกูล “GeForce RTX 30 Series” ในปี 2021 เพิ่มเติมอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น GeForce RTX 3080 Ti, GeForce RTX 3070 Ti, GeForce RTX 3060 และ GeForce RTX 3050 ใครที่ลังเลว่าจะรอตัวใหม่ ๆ ดีหรือเปล่าอันนี้ก็มาดูกันอีกทีว่าเรื่องของราคา, ความคุ้มค่า และ สเปกภายในเมื่อใช้งานจริง ทดสอบจริงแล้วมันจะเป็นยังไงบ้าง แต่ที่เกวลินทราบมาก็คือมันก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนมากเท่าไหร่ แต่มีการเพิ่มความเร็วนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ก็เพิ่ม Ram ความจุให้สูงขึ้นเป็นต้น ก็หวังว่าบทความนี้คงจะช่วยเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนการ์ดจอช่วงนี้ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าสวัสดีค่ะ!
17 Dec 2020
Nvidia เตรียมวางจำหน่าย GeForce RTX 3080 Ti ต้นปีหน้า!
GeForce RTX 3080 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าหากยากสำหรับชาว PC ไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งจากที่เราได้มีโอกาสใช้งานการ์ดจอดังกล่าวมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่าใครซื้อทันถือว่าโชคดีมากๆ ส่วนคนที่อยากได้เจ้า 3080 มากๆ แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนดี ตอนนี้ผมคิดว่ารออีกหน่อยเราอาจจะได้สินค้าที่ดีกว่าในช่วงต้นปีหน้าครับ! จากรายงานล่าสุดของเว็บไซต์ hkepc ดูเหมือนว่า Nvidia มีแผนจะวางขาย GeForce RTX 3080 Ti เพื่อสู้กับ RX 6900 XT จากทาง AMD โดยเจ้า 3080 TI จะมาพร้อมกับ GDDR6X ถึง 20 GB และมี CUDA core  จำนวนเทียบเท่ากับ RTX 3090 ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นการ์ดจอที่แรงมากๆ ครับ ดังนั้นสำหรับใครที่ยังหาซื้อ 3080 ไม่ได้ ผมว่ารออีกสักหน่อยแล้วซื้อ 3080 Ti ไปเลยน่าอาจจะเป็นการดีกว่าครับ GeForce RTX 3080 Ti จะวางจำหน่ายในเดือน มกราคม 2021 จากรายงานของ hkepc ครับ Credit: VideocardZ
11 Nov 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "GeForce RTX 3080"
รู้ก่อนซื้อ! ถ้าต้องเปลี่ยนการ์ดจอใหม่ตอนนี้เป็น NVIDIA GeForce RTX 30 Series จะเลือกรุ่นไหนดี
ปีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีในการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ เพราะอย่างที่เห็นเครื่องเกมคอนโซลรุ่นใหม่ก็เปิดตัวไปแล้ว ( แต่เมืองไทยยังไม่ประกาศวันวางจำหน่ายก็ตาม ) นอกจากนี้เกมเมอร์ฝั่ง PC ก็คงได้เห็นการเปิดตัวการ์ดจอ [GPU] ของทั้งค่ายเขียว NVIDIA และ ค่ายแดง AMD ในซีรีส์ใหม่กันไปแล้วเรียกว่ากระแสตอบรับดีทั้งสองค่ายเลย แต่เหมือนปีนี้จะหนักไปทางค่ายเขียว NVIDIA ซะมากกว่า เพราะดูเหมือนว่า “GeForce RTX 30 Series” ที่เวลานี้ได้วางจำหน่ายออกมาแล้วทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกันไล่มาตั้งแต่ตัวท็อป GeForce RTX 3090, GeForce RTX 3080, GeForce RTX 3070 และ GeForce RTX 3060 Ti นี่ยังไม่นับรวมรุ่นอื่น ๆ ของซีรีส์นี้ที่มีแผนจะเปิดตัวในปีหน้าด้วย วันนี้เกวลินเลยจะมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักการ์ดจอของแต่ละรุ่นว่าอันไหนเหมาะกับเพื่อน ๆ กันบ้างค่ะ   GeForce RTX 3090 เป็นรุ่นท็อปสุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้สำหรับ “GeForce RTX 3090” การ์ดจอรุ่นนี้ทาง NVIDIA ได้อธิบายเอาไว้ว่ามันคือนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนามาจากการ์ดจอรุ่น GeForce GTX TITAN เพราะว่าหลังจากนี้ไปการ์ดจอตระกูล TITAN ทาง NVIDIA ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกพัฒนาแล้วหันมาใช้เป็นเลขรหัสแทน โดยพวกเขาได้เครมเอาไว้ว่าประสิทธิภาพของการ์ดจอตัวนี้สามารถเล่นเกมในความละเอียด 8K ได้อย่างสบาย ๆ ด้วย Ampere สถาปัตยกรรม RTX รุ่นที่ 2 ที่ทำให้เมื่อผู้เล่นเปิดใช้งาน Ray Tracing และ AI การทำงานจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก จากผลการทดสอบแสดงให้เห็นแล้วว่า “เมื่อผู้ใช้งานเปิด DLSS กับ Ray Tracing เฟรมเรตจะสูงขึ้นมากกว่าตอนปิดการใช้งานเสียอีก!” ด้วยความที่มันเป็นการ์ดจอตัวท็อปสุดของ “GeForce RTX 30 Series” จึงไม่แปลกที่จะเกิดคำถามมากมายต่อเกมเมอร์ว่า “เราควรซื้อการ์ดจอตัวนี้ใช้งานเลยดีไหม!?” เพราะราคาก็เริ่มต้นอยู่ที่ 52,000 บาทขึ้นไป ( แล้วแต่แบรนด์ แต่รุ่นกันด้วย ) ซึ่งจัดอยู่ในราคาที่สูงมาก เราก็ต้องมาดูกันก่อนว่าถ้าเราซื้อการ์ดจอ GeForce RTX 3090 คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่าเอามาแค่เล่นเกมกับสตรีมถ่ายทอดสดอย่างเดียว บอกเลยว่ามันดูไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ตัวการ์ดรุ่นนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดกินพื้นที่ในการติดตั้งไปมากกว่า 3 ช่อง ถ้าเคสคอมพิวเตอร์ของเราเป็นขนาดเล็กก็ต้องมีการจัดวางระบบภายในใหม่ทั้งหมดเพื่อให้การระบายความร้อนได้ดีขึ้น แล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือการ์ดจอ GeForce RTX 3090 กินไฟสูงใช้ได้เลยค่ะ ถ้า Power Supply ของเรามีกำลังวัตต์น้อยจนเกินไปก็ไม่สามารถใช้การ์ดจอตัวนี้ได้นะคะ ซึ่งทาง NVIDIA ได้อธิบายเอาไว้ว่า Power Supply ขั้นต่ำจะต้องอยู่ที่ประมาณ 750 วัตต์ขึ้นไป อย่างไรก็ตามมันก็อยู่กับว่าอุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ว่าเราใช้ CPU ตัวไหนแล้วมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเกี่ยวกับไฟฟ้าบ้าง เพราะบางครั้งกำลังวัตต์ที่แนะนำไปอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งผู้ใช้งานก็จะต้องควักเงินเพื่อเปลี่ยน Power Supply ให้สูงขึ้นแล้วก็เผื่อเอาไว้ด้วย แล้วถ้าใช้ Power Supply รุ่นเก่าอาจจะต้องเปลี่ยนเพื่อจัดการจ่ายไฟอย่างเหมาะสม เพราะการ์ดจอรุ่นใหม่นี้ต้องใช้ขั้วต่อสายไฟเสริมอยู่ที่ PCle 8 Pin ถึง 2 ตัวด้วยกัน “ใครสเปกคอมพิวเตอร์ภายในสูง ๆ จัดเยอะ ๆ ไว้ก็ดีนะ” แล้วถ้าเพื่อน ๆ ยังคงเล่นเกมบนหน้าจอที่มีความละเอียดเพียงแค่ 1080p ( หรือต่ำกว่านั้น ) การ์ดจอตัวนี้ไม่เหมาะอย่างรุนแรงค่ะ เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อให้เล่นในความละเอียด 1440p ไปจนถึง 4K มากกว่าค่ะ ซึ่งทาง NVIDIA เครมว่ามันสามารถรันถึงความละเอียด 8K ได้เลยนะคะ แต่จากผลทดสอบของสื่อต่างประเทศและผู้ที่ใช้งานจริงพบว่า GeForce RTX 3090 สามารถที่จะรันเกมที่ใช้กราฟฟิกสูงพร้อมเปิดใช้งาน Ray Tracing, DLSS หรือ รันเกมบน DirectX 12 ในความละเอียด 4K แล้วเฟรมเรตทะลุ 60fps ได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตามการ์ดจอตัวนี้นอกจากจะใช้เล่นเกมที่มีรายละเอียดสูงได้แล้ว สิ่งหนึ่งก็คือใครที่ทำงานสายออกแบบกราฟฟิก หรือ ตัดต่อวีดีโอก็ทำได้ด้วยเช่นกันค่ะ  สรุปแล้ว GeForce RTX 3090 ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? ราคาที่สูงเกินไป เป็นการ์ดจอที่ขนาดใหญ่, น้ำหนักเยอะ และ ใช้พื้นที่เยอะ ถ้าผู้ใช้ซื้อมาแล้วใช้งานไม่คุ้มค่าอาจจะรู้สึกเสียดายเงินก็เป็นได้ ผู้ใช้จะต้องปัจจัยส่วนอื่น ๆ ภายในคอมพิวเตอร์ของเราด้วย เพราะการ์ดจอกินไฟสูงมาก อาจจะต้องมีการเพิ่มงบเพื่อให้สามารถใช้การ์ดจอตัวนี้เต็มประสิทธิภาพ การ์ดออกแบบมาเพื่อให้เราใช้ในการทำงานด้านกราฟฟิกและเล่นเกมในความละเอียด 4K หรือมากกว่า GeForce RTX 3080 ในเมื่อการ์ดจอตัวท็อปอย่าง GeForce RTX 3090 มีราคาที่สูงเกินไปทาง NVIDIA ก็มีการออกแบบการ์ดจอรองท็อปของ “GeForce RTX 30 Series” โดยใช้ชื่อรุ่นว่า “GeForce RTX 3080” มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 31,000 บาทขึ้นไป ( เช่นเดียวกันค่ะ แล้วแต่แบรนด์และรุ่นที่วางจำหน่าย ) ความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่การ์ดจอตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมโดยเฉพาะเลยค่ะ ราคานี้อาจจะสูงไปสำหรับเกมเมอร์บางคน แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่ชื่นชอบการเล่นเกมกราฟฟิกสวย ๆ ในความละเอียดสูง ๆ แล้วมีสเปกคอมพิวเตอร์ที่สูงอยู่แล้วพร้อมกับกําลังทรัพย์มันเป็นหนึ่งในการ์ดจอที่ขอแนะนำเลยค่ะ ขนาดการ์ดจอของ GeForce RTX 3080 จะเล็กกว่า GeForce RTX 3090 นิดหน่อยค่ะ โดยจะกินพื้นที่ประมาณ 2 ช่องเพื่อใช้ในการติดตั้งเช่นเดียวกันค่ะ การเคลียร์พื้นที่ของเคสก็เป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกันเพื่อที่จะไม่ให้เคสมีความแออัดเกินไปจนทำให้เกิดความร้อนภายในเคส แต่ถ้าใครที่เคสขนาดใหญ่อยู่แล้วมีพัดลมระบายอากาศที่ดีก็ถือว่ารอดตัวไปค่ะ ในเรื่องของ Power Supply ก็คล้าย ๆ กับการ์ดจอตัวท็อปพอสมควรค่ะ ด้วยความที่ว่าขั้วต่อสายไฟเสริมก็จะใช้ PCle 8 Pin ถึง 2 เหมือนกันดังนั้นเราจะต้องคำนวนเรื่องการจ่ายไฟของระบบให้ดี ถึงแม้ว่าจะมีการอธิบายเอาไว้แล้วว่าขั้นต่ำควรใช้ Power Supply 750 วัตต์ แต่มันก็มีกรณีที่ไฟไม่เพียงพอ ถ้าจะให้เกวลินแนะนำจริง ๆ ควรประมาณ 850 วัตต์ขึ้นไปจะดีมาก ๆ เลยค่ะ ก็เรียกว่าหลังจากที่ประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราในช่วงแรกไป กลายเป็นการ์ดจอรุ่นที่ได้รับความนิยมจากเกมเมอร์ผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก มันคือการ์ดจอตัวรองท็อปที่มีราคาไม่สูงจนเกินไปแต่แลกมากับประสิทธิภาพที่ถ้าให้เทียบกับรุ่น GeForce RTX 2000 Series การตอบรับยังไม่เท่านี้เลยค่ะ ซึ่งเพื่อนของเกวลินที่สนิทกันเขาตัดสินใจเปลี่ยนการ์ดจอจากเดิมใช้ GeForce GTX TITAN X มาเป็น GeForce RTX 3080 ผลที่ได้ก็คือ “ใช้งานได้ดีกว่าการ์ดตัวเดิมอย่างเห็นได้ชัดเจน” โดยเกมที่เขาเลือกลองทดสอบก็คือ Cyberpunk 2077 เริ่มทดสอบในความละเอียด 1080p ที่ปรับรายละเอียดกราฟฟิกสูงสุดพร้อมเปิดใช้งาน DLSS กับ Ray Tracing พบว่าเฟรมเรตสูงมาก ๆ แล้วจากนั้นลองสตรีมถ่ายทอดสดไปด้วยสามารถทำได้ด้วยเช่นกัน “การ์ดจอตัวท็อปที่เล่นเกมปัจจุบันได้ลื่นไหล แต่ก็สู้อะไรใหม่ ๆ ใน 30 Series ไม่ได้เลย!” จากนั้นก็มีการขยับผลการทดสอบมาเทสในความละเอียด 2K หรือ 1440p แบบปรับรายละเอียดกราฟฟิกสูงสุดพร้อมเปิดใช้งาน DLSS กับ Ray Tracing เฟรมเรตก็ยังอยู่ในระดับที่ดีมาก ๆ แล้วตามมาด้วยการลองสตรีมถ่ายทอดสดบน Youtube ในความละเอียด 1440p/60fps ก็ทำได้ดีแถมยังเหลือ ๆ อีกด้วย บ่งบอกได้เลยว่าการ์ดจอ GeForce RTX 3080 ที่ทาง NVIDIA เครมเอาไว้เลยว่า “มันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมในความละเอียด 4K ได้อย่างสบาย ๆ” มันสามารถทำได้ตามที่เขาพูดเอาไว้จริง ๆ ค่ะ ดังนั้นถ้าสเปกภายในเครื่องของเราไม่ว่าจะเป็น CPU หรือ Ram ของเราเป็นตัวท็อป ๆ การ์ดจอรุ่นนี้คุ้มค่าที่คุณจะยอมเสียเงินเป็นอย่างมากค่ะ สรุปแล้ว GeForce RTX 3080 ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? เรื่องของราคาก็จัดอยู่ในระดับที่สูงเหมือนกัน แต่ถ้าคุณมีเงินมากพอแล้วอยากจะเล่นเกมแบบลื่นไหลมันก็น่าลงทุน การ์ดจอตัวนี้ก็ยังคงกินไฟสูงเหมือนกัน ดังนั้นต้องคำนวนการจ่ายไฟของ Power Supply กันด้วยนะคะ ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่มีสเปกส่วนอื่น ๆ ก็สูงอยู่แล้ว การ์ดจอตัวนี้จัดไป เป็นการ์ดจอที่รองรับการเล่นเกมทั้งความละเอียด 1080p , 1440p และ 4K ได้อย่างสบาย ๆ GeForce RTX 3070 เราพูดถึงการ์ดจอตัวท็อปและรองท็อปของ “GeForce RTX 30 Series” กันไปแล้ว เรามาพูดถึงตัวกลาง ๆ ที่แท้ทรูกันบ้างค่ะ โดยรุ่นนี้มีชื่อว่า “GeForce RTX 3070” สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 18,900 บาทขึ้นไป ( ราคานี้ก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์และรุ่นที่วางจำหน่ายด้วย ) โดยทาง NVIDIA เผยว่าการ์ดจอตัวนี้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า GeForce RTX 2080 Ti ที่เป็นตัวท็อปของรุ่นที่แล้ว ความพิเศษของรุ่นนี้คงเป็นเรื่องของราคาที่ดูสมเหตุ สมผลมากจริง ๆ ซึ่งเมื่อพอไปเทียบราคากับรุ่นก่อนที่มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราว ๆ 37,000 บาทขึ้นไปมันแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ รุ่นก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่าปัญหาเรื่องการกินไฟของ Power Supply พอสมควร แต่ GeForce RTX 3070 จะกินไฟขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 650 วัตต์ การเลือกใช้ Power Supply ให้เหมาะสมก็ยังคงเป็นปัจจัยหลักสำคัญอยู่ดีค่ะ ถ้าจะให้แนะนำควรใช้ Power Supply อยู่ที่ประมาณ 850 วัตต์กำลังดีค่ะ แถมการ์ดจอรุ่นนี้ยังใช้ขั้วต่อสายไฟเสริมในรูปแบบ PCle 8 Pin เพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น ตัวการ์ดจอมีขนาดที่ใหญ่พอตัวจะกินพื้นที่อยู่ประมาณ 2 ช่อง ผู้ใช้งานเองก็จำเป็นต้องเคลียร์พื้นที่ของเคสด้วย แล้วถ้าเคสมีขนาดเล็กไปก็อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อที่เราจะสามารถจัดสายไฟแล้วการระบายความร้อนที่อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในการประกอบคอมพิวเตอร์ที่ดีนั่นเองค่ะ มาพูดในเรื่องของประสิทธิภาพในการใช้งานกันหน่อยค่ะ GeForce RTX 3070 เป็นการ์ดจอระดับกลางที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้ในการเล่นเกมได้ทั้งความละเอียด 1080p, 1440p และ 4K ได้เหมือนกัน แต่จะทำได้ขนาดนั้น อุปกรณ์ส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น CPU, Ram และ Mainboard ด้วย เพราะมันจะเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อให้การทำงานของการ์ดจอเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จากผลการทดสอบเกวลินก็พบว่ามันสามารถรันในความละเอียด 1080p กับ 1440p ได้อย่างสบาย ๆ เฟรมเรตที่ได้จากเกมอยู่ที่ 150 - 200fps กันเลยทีเดียว ส่วนเกมที่ใช้ในการรันความละเอียด 4K จะขับเฟรมเรตออกมาได้อยู่ที่ 59 - 65fps ทั้งนี้ก็อยู่ว่าเกมนั้น ๆ กินทรัพยากรมากน้อยแค่ไหน  ถ้าถามถึงความคุ้มค่า GeForce RTX 3070 มันเป็นการ์ดจอระดับกลางที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดี ใครที่มีสเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ แล้วกำลังมองหาการ์ดจอดี ๆ สักตัวในราคาที่ไม่แรงมากจนเกินไปมันก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อยเลยค่ะ  สรุปแล้ว GeForce RTX 3070 ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? เหมือนทาง NVIDIA เดินเกมถูกมากเพราะมันคือการ์ดจอระดับกลางที่มีราคาจับต้องได้ เป็นการ์ดจอที่กินไฟน้อยกว่า 2 ตัวท็อปก่อนหน้านี้ แต่ยังไงก็ต้องคำนวนการจ่ายไฟของ Power Supply อยู่ดี คนที่ใช้สเปกคอมพิวเตอร์สเปกกลาง ๆ แล้วอยากเปลี่ยนการ์ดจอเพื่อใช้เล่นเกมได้ลื่นขึ้น ตัวนี้ก็เหมาะดี เป็นการ์ดจอที่รองรับการเล่นเกมทั้งความละเอียด 1080p , 1440p และ 4K ได้อย่างลื่นไหล GeForce RTX 3060 Ti มาถึงการ์ดจอตัวสุดท้ายของ “GeForce RTX 30 Series” ที่พึ่งประกาศเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เลยรุ่นที่มีชื่อว่า “GeForce RTX 3060 Ti” สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 14,900 บาทขึ้นไป ( เหมือนเดิมค่ะ ราคาก็จะอยู่ที่แบรนด์และรุ่นที่วางจำหน่าย ) สำหรับการ์ดจอตัวนี้ยังถือได้ว่าเป็นการ์ดจอระดับกลางที่ถูกปรับสภาพลดลงมาจาก GeForce RTX 3070 เล็กน้อย ทาง NVIDIA ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าตัวการ์ดจอรุ่นนี้ออกแบบมาให้เกมเมอร์ทั้งคนที่มีสเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ หรือ ระดับที่ต่ำลงมาอีกนิดสามารถเป็นเจ้าของการ์ดจอตระกูล GeForce RTX 30 Series ได้ไม่ยาก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดีกว่าการ์ดจอรุ่นเก่าของ GeForce RTX ก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน สำหรับ “GeForce RTX 3060 Ti” ถือได้ว่าเป็นการ์ดจอที่กินพลังงานไฟน้อยมาก ๆ เพราะทาง NVIDIA อธิบายเอาไว้ว่า Power Supply ที่เหมาะสมในการใช้งานที่สุดอยู่ที่ประมาณ 600 วัตต์ นั้นหมายความว่าถ้าจะให้ดีผู้ที่ใช้การ์ดจอตัวนี้ต้องเลือก Power Supply อยู่ที่ประมาณ 700 - 800 วัตต์กำลังดีค่ะ เพราะส่วนใหญ่คนที่มีสเปกคอมพิวเตอร์กลาง ๆ ก็คงไม่ได้ตกแต่งอะไรมากก็จะใช้กำลังไฟอยู่ที่ราว ๆ นี้น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้ว ส่วนการ์ดจอ “GeForce RTX 3060 Ti” มีการทดสอบออกมาเรียบร้อยแล้วว่าเหมาะกับการใช้งานในการเล่นเกมระดับความละเอียด 1080p กับ 1440p ที่สามารถปรับสุดแล้วเปิดใช้งาน DLSS กับ Ray Tracing เฟรมเรตที่ได้ก็อยู่ในระดับที่เกินคาดเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ถ้าเราเผลอเปิดใช้งานเทคโนโลยี RTX เฟรมเรตอาจจะดรอปลงไปบ้างเพราะมันจะรีดประสิทธิภาพการ์ดจอให้ทำงานเกือบ 100% ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ ที่คิดว่าจะซื้อการ์ดจอตัวนี้มาเล่นเกมแบบปรับสุดทุกอย่างแล้วก็เปิด RTX พร้อมกับสตรีมถ่ายทอดสดไปด้วย สิ่งที่เราจะต้องคำนึกถึงก็คือว่า “สเปกภายในเครื่องของเราเพียงพอหรือเปล่า!?” ทั้ง CPU ที่เราใช้งานอยู่เป็นระดับไหน แล้วก็ Ram ที่มีอยู่ภายในเครื่อง แม้ว่าจะติดตั้งเอาไว้ 16 GB. แต่บางทีก็ต้องคำนึกถึงตอนเราเล่นเกม ตอนเปิดโปรแกรมต่าง ๆ เอาไว้ด้วย เพราะปัจจุบัน Ram 16 GB. มันกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่งั้นตอนสตรีมถ่ายทอดสดเปิดอาการกระตุกจนคนดูไม่สนุกแน่นอนค่ะ แล้วถ้าถามว่าการ์ดจอ “GeForce RTX 3060 Ti” เหมาะกับเกมเมอร์ประเภทไหน จริง ๆ แล้วมันคล้าย ๆ กับรุ่นก่อนหน้านี้ค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ที่มีสเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ CPU ไม่ได้ตัวท็อปอะไรมาก ( หรือเป็นตัวท็อปจากรุ่นก่อน ๆ ) มี Ram อยู่ในตัวเครื่องสัก 16GB. ขึ้นไป แล้วการ์ดจอที่ใช้เป็นรุ่นเก่ามากแล้วรันเกมกราฟฟิกหนัก ๆ ในยุค 2018 - 2020 ที่เฟรมเรตได้ราว ๆ  45 - 50fps แถมกราฟฟิกปรับสุดก็ไม่ได้ แปลว่าเพื่อน ๆ คือหนึ่งในคนที่ควรจะเปลี่ยนการ์ดจอมาสู่ยุคสมัยใหม่ได้แล้วค่ะ แล้วยิ่งเงินในกระเป๋าไม่ได้มากพอที่จะไปเล่นตัว GeForce RTX 3070 หรือตัวรองท็อปอย่าง GeForce RTX 3080 รุ่นนี้ก็ถือว่าเหมาะสำหรับเกมเมอร์สายกระเป๋าแบนแฟนทิ้งได้ไม่ยากเลยค่ะ สรุปแล้ว GeForce RTX 3060 Ti ผู้ใช้งานต้องคำนึกถึงอะไรบ้าง!? เป็นการ์ดจอระดับกลางที่ราคาจับต้องได้เหมาะสำหรับคนที่มีทุนไม่มากนัก การ์ดจอตัวนี้กินไฟน้อยมาก ถ้าซื้อมาแล้วยังไงก็ต้องจัดการระบบไฟฟ้าให้ดีไม่งั้นอาจจะไม่เพียงพอ คนที่ใช้สเปกคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ หรือ ต่ำลงมา แล้วใช้การ์ดจอรุ่นเก่าที่รันเกมในช่วง 2 - 3 ปีนี้แบบปรับสุดไม่ได้ มันก็เหมาะที่จะเปลี่ยนมาใช้รุ่นนี้นะ เป็นการ์ดจอที่รองรับในการเล่นเกมทั้งความละเอียด 1080p กับ 1440p ได้สบาย ๆ แต่ระดับ 4K เฟรมเรตอาจจะไม่ได้ดีเท่าที่คาดหวังหนัก ต้องบอกไว้ก่อนนะคะว่าตอนนี้ทาง NVIDIA เตรียมเปิดตัวการ์ดจอรุ่นอื่น ๆ ของตระกูล “GeForce RTX 30 Series” ในปี 2021 เพิ่มเติมอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น GeForce RTX 3080 Ti, GeForce RTX 3070 Ti, GeForce RTX 3060 และ GeForce RTX 3050 ใครที่ลังเลว่าจะรอตัวใหม่ ๆ ดีหรือเปล่าอันนี้ก็มาดูกันอีกทีว่าเรื่องของราคา, ความคุ้มค่า และ สเปกภายในเมื่อใช้งานจริง ทดสอบจริงแล้วมันจะเป็นยังไงบ้าง แต่ที่เกวลินทราบมาก็คือมันก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนมากเท่าไหร่ แต่มีการเพิ่มความเร็วนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ก็เพิ่ม Ram ความจุให้สูงขึ้นเป็นต้น ก็หวังว่าบทความนี้คงจะช่วยเพื่อน ๆ ที่กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนการ์ดจอช่วงนี้ได้ไม่มากก็น้อยค่ะ แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าสวัสดีค่ะ!
17 Dec 2020
Nvidia เตรียมวางจำหน่าย GeForce RTX 3080 Ti ต้นปีหน้า!
GeForce RTX 3080 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสินค้าหากยากสำหรับชาว PC ไปแล้วในตอนนี้ ซึ่งจากที่เราได้มีโอกาสใช้งานการ์ดจอดังกล่าวมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่าใครซื้อทันถือว่าโชคดีมากๆ ส่วนคนที่อยากได้เจ้า 3080 มากๆ แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนดี ตอนนี้ผมคิดว่ารออีกหน่อยเราอาจจะได้สินค้าที่ดีกว่าในช่วงต้นปีหน้าครับ! จากรายงานล่าสุดของเว็บไซต์ hkepc ดูเหมือนว่า Nvidia มีแผนจะวางขาย GeForce RTX 3080 Ti เพื่อสู้กับ RX 6900 XT จากทาง AMD โดยเจ้า 3080 TI จะมาพร้อมกับ GDDR6X ถึง 20 GB และมี CUDA core  จำนวนเทียบเท่ากับ RTX 3090 ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นการ์ดจอที่แรงมากๆ ครับ ดังนั้นสำหรับใครที่ยังหาซื้อ 3080 ไม่ได้ ผมว่ารออีกสักหน่อยแล้วซื้อ 3080 Ti ไปเลยน่าอาจจะเป็นการดีกว่าครับ GeForce RTX 3080 Ti จะวางจำหน่ายในเดือน มกราคม 2021 จากรายงานของ hkepc ครับ Credit: VideocardZ
11 Nov 2020